วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559

Preposition

Preposition หรือคำบุพบทคือ คำที่ใช้เชื่อมคำนามกับคำนาม หรือเชื่อมคำนามกับ
วลี/ประโยค โดยจะมีอยู่ประมาณ 40 กว่าคำที่ใช้บ่อย และการใช้ preposition จะแบ่ง
ออกเป็น 3 วิธี ดังนี้
    1. การใช้ preposition ตามความหมายของ preposition
    2. การใช้ preposition แสดงวันที่, วัน, เดือน, ปี และเวลา
    3. การใช้ preposition แบบ collocation
     ท่านผู้อ่านคงเคยเรียนรู้คำบุพบทแบบแบ่งออกเป็นคำบุพบทแสดงเวลา/สถานที่/ทิศทาง/
ฯลฯ ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่ไม่ค่อยได้ผล เพราะผู้ใช้ต้องมาเสียเวลานั่งนึกก่อนว่า คำบุพบท
แสดงเวลา/สถานที่/ทิศทาง/ฯลฯ นั้นมีอะไรบ้าง ทำให้ไม่ทันกิน ก็เลยไม่ได้พูด ไม่ได้ใช้กัน
เสียที
     ส่วนการศึกษาการใช้ preposition ตามการแบ่งด้วยวิธีทั้ง 3 นี้ จะมีประสิทธิภาพและ
ประสิทธิผลกว่ามาก เพราะเป็นวิธีการใช้ที่เป็นธรรมชาติในแบบที่เจ้าของภาษาใช้กัน นั่น
คือเวลาเราจะใช้ก็ใช้ออกมาได้เองโดยอัตโนมัติ เหมือนกับว่า preposition เหล่านี้ติดอยู่
ที่ริมฝึปากเราอยู่ตลอดเวลานั่นเอง ดังท่านผู้อ่านจะได้เห็นต่อไป
   1. การใช้ preposition ตามความหมายของ preposition
    Preposition แต่ละคำจะมีความหมายประจำตัวของตัวเอง และเราสามารถใช้ไปตาม
ความหมายนั้นๆได้ ดังนั้น จึงขอให้ท่านผู้อ่านท่องจำความหมายของ preposition ดังต่อ
ไปนี้ให้ขึ้นใจ พร้อมทั้งดูประโยคตัวอย่างประกอบไปด้วย แล้วท่านผู้อ่านก็จะเข้าใจการใช้
preposition แต่ละคำอย่างกระจ่างแจ้ง

     on = บนพื้นผิวของบางสิ่ง
      
–The glass is on the table.
     in = ใน/ภายในพื้นที่ของบางสิ่ง; ไปในบางสิ่ง; ในช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ
       –He is in his room.
       –I live in Thailand.
       –She is in hospital/in the hospital–เจ้าหล่อนเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
       –Put it  in that box.

       –Can you do this in a week? 
     
at = ที่ตำแหน่งใดๆ; ณ สถานที่ใดๆ; ณ เวลาใดๆ; ณ อายุใดๆ
       –Put it down at that corner.
       –They live at 100 Serithai Road. 
       –He studies at a university.
       –She works at a hospital. 
       –He is at a hospital to visit his friend working there. 
       –I will leave 
at 2 o’clock.
       –He died 
at 92.
   In และ At ในการใช้เกี่ยวกับสถานที่
            เราจะเห็นว่า in และ at ต่างก็ใช้กับ ‘สถานที่’ ได้ แต่การใช้จะแตกต่างกันดังนี้ 
            In มีความหมายว่า ‘ใน/ภายในพื้นที่ของบางสิ่ง’
            In จึงเน้นการใช้กับสิ่งที่มีพื้นที่และเราก็ได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่นั้น เช่น in the
       room, in prison, in the building, in Siam Square, in the community, 
       in the area, 
in the province, in the country, in the sky, in the sea,
       in the ocean,
 in the world, in space และ in the universe เป็นต้น

สรุปก็คือ เราใช้ in เมื่อการใช้เป็นเรื่องเกี่ยวกับพื้นที่และเราได้เข้าไปอยู่ใน
       พื้นที่นั้น เช่น
             –We have arrived in Bangkok.
                พวกเราได้เดินทางมาถึงในพื้นที่ของกรุงเทพฯแล้ว
             –Thailand is a country in Asia.
                ไทยเป็นประเทศหนึ่งในทวีปเอเซีย
             ส่วน at มีความหมายว่า ‘ณ สถานที่ใดๆ’
             At จึงเป็นการใช้ที่เน้นที่ต้วสถานที่ ให้ความสำคัญกับตัวสถานที่ ไม่ได้เน้นการ
       เข้าไปอยู่ในพื้นที่ของสถานที่นั้นๆ แม้ว่าจริงๆแล้วเราจะได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่ของ
       สถานที่นั้นๆแล้วก็ตาม เช่น at home, at the office, at the airport, at
       Centre Point, at Queen Sirikit Convention Center, at the exhibition
       hall, 
at the university เป็นต้น
            สรุปก็คือ เราใช้ at เมื่อการใช้เป็นการเน้นที่ตัวสถานที่ ให้ความสำคัญกับตัว
       สถานที่ไม่ใช่พื้นที่ของสถานที่นั้นๆ เช่น
             –We have arrived at the airport.
                พวกเราได้เดินทางมาถึง ณ ตัวสนามบินแล้ว
             –I studied at Ramkhamhaeng University.
                ผมศึกษาอยู่ ณ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
         –She is 20 and works in the fast food industry, one at a 
          burger restaurant and one at a pizza place. (The Guardian)     
             เจ้าหล่อนอายุ 20 และทำงานอยู่ในภาคอุตสาหกรรมอาหาร แห่งหนึ่งคือทำอยู่ ณ ร้าน
             อาหารขายเบอร์เกอร์ และอีกแห่งหนึ่งทำอยู่ ณ ร้านขายพิทซ่ะ
         –I was a student in the Department of Government at the
         Faculty of Political Science of Chulalongkorn University. And
         she was a physics student studying in the Faculty of Science
         at Mahidol University.
            ผมเป็นนิสิตในภาควิชาการปกครอง ณ คณะรัฐศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วน   
            เจ้าหล่อนเป็นนักศึกษาฟิสิกซ์ที่กำลังศึกษาในคณะวิทยาศาสตร์
 ณ มหาวิทยาลัยมหิดล
      กลเม็ดการใช้ in และ at ที่เกี่ยวกับสถานที่ในเชิงปฏิบัติ
            สถานที่ที่มีพื้นที่ไม่กว้างมากนัก เช่น บ้าน, สำนักงาน, อาคารหรือสิ่งปลูกสร้าง
       ต่างๆ ฯลฯ สามารถใช้ได้กับทั้ง in และ at อันขึ้นอยู่กับสถานการณ์การใช้ของเราว่า
       เราต้องการเน้นที่พื้นที่หรือเน้นที่ตัวสถานที่นั้น เช่น
       –in the house/at home
       –in/at the office
       –in/at the building

             –in/at a hotel
       –in/at the Faculty of Political Science
             แต่ถ้าเป็นสถานที่ที่มีพื้นที่กว้างมากตั้งแต่ระดับชุมชน, หมู่บ้าน, ตำบล, อำเภอ,
       จังหวัด, ประเทศ, ทวีป, ทะเล/มหาสมุทร, โลก, อวกาศ, ไปจนถึงระดับจักรวาล ก็จะ
       ใช้กับ in เสมอ
at the back of = ที่อยู่ตรงส่วนท้าย/แถวสุดท้ายของ
       –His photo is at the back of his book. 
      –He sat at the back of the classroom.
    at the front of = ที่อยู่ตรงส่วนหน้า/แถวหน้าสุดของ
      –Her news is at the front of the newspaper.
       –She sat at the front of the classroom.


    behind = ที่อยู่ถัดไปจากด้านหลังของ
      –The car park is behind the bank. 
    in front of = ที่อยู่ถัดไปจากด้านหน้าของ; ตรงหน้า
       –Flagpole is in front of the school. 
       –My teacher stands in front of the classroom.
       –The accident occurred in front of me.
    above = ที่อยู่สูงขึ้นไปจาก(บางสิ่ง)
       –The sun is above my head.

    over = เหนือ; คลุมอยู่เหนือ; ด้านบนของ(บางสิ่ง)
       –The blanket is still over my kid.
    about = เกี่ยวกับ; ประมาณ (adverb)
       –This website is about English.
       –The service may cost you about 1,000 baht.

    across = ข้าม
      –I walked across the street. 
    against = ตัดกับ/พิงกับ; ต่อต้าน
      –The white tie is against the black shirt.
       –The bike is against the wall.
       –Are you against me?

    along = (เดิน/วิ่ง/แล่น)ไปตาม
      –I’m walking along the road. 
    as = ในฐานะที่เป็น
       –She works as a doctor.
among = ท่ามกลางสิ่งของหลายๆสิ่ง; ท่ามกลางบุคคลหลายๆคน
      –I’m being among the people.
    between = อยู่ระหว่างสิ่งของ 2 สิ่งขึ้นไป; อยู่ระหว่างบุคคล 2 คนขึ้นไป
      –I sat between 2 women.

    away from = ออกมาจาก; ออกไปจาก; ห่างออกมาจาก; ห่างออกไปจาก
       –I’m moving away from him.
     
out of = ออกมาจาก; ออกไปจาก; ห่างออกมาจาก; ห่างออกไปจาก
       –A beautiful woman got out of a car.
       –Shoppers’re pouring out of a shopping mall.

    from = จาก(สถานที่ที่เราอยู่); จาก(คนที่อยู่ห่างออกไป/สถานที่ที่อยู่ห่างออกไป)
       –From here I can see the view clearly.
       –The email is sent from my friend.
    before = ก่อน
      –I will come back before noon.
    after = หลัง
      –I will come back after noon.
    below = ที่อยู่ต่ำลงไปจาก(บางสิ่ง); ที่อยู่ต่ำลงมาจาก(บางสิ่ง)
      –There is a brook below this village.
       –The SET Index dropped below 1000 for the first time since 2010.

    under = ใต้
      –My dog was under the blanket with me.

    by = เคียงข้างกับ; โดย; ราวๆ(เวลา); (จับ/สัมผัส/ฉุด)ที่ส่วนใดๆ(ของร่างกาย)
       –He always stands by me.
       –English website by me and my sister.
       –I will come back by 6 o’clock.
       –He took me by my hand.

     beyond = เกินขอบเขตของ(บางสิ่ง)ออกไป
      –You are being beyond the limit.
     down = (เดิน/วิ่ง/แล่น)ไปตาม; ลง(บันได/จากที่สูง)
       –I’m walking down the road.
       –The cat’s climbing down the tree.

    up = ขึ้น(บันได/ไปที่สูง)
       –I’m stepping up the stairs.
    during/ดุริง = ช่วงระหว่างเวลาใดๆ
      –I’ll be in the country during this weekend.
    for = สำหรับ; เพื่อ
       –This is for you.
       –I’ll do it for you.
    inside = ข้างใน
       –I’m inside the bookstore. 

    outside = ข้างนอก
      –I’m outside the shopping mall.
    into = มุ่งไปยัง; มุ่งมายัง; ไปใน (into มีนัยว่าได้สัมผัสกับสิ่งนั้นแล้ว)
      –This bus’s moving into town.
       –He walked into the court without any glance at relatives’ bench.
    
           (BBC)

    to = ไปยัง/มายัง
      –This bus’s going to Silom.
    toward(s) = ตรงไปยังทิศทางของ
       –We’re moving toward the right direction.
    near = ใกล้กับ
      –I live near 2 shopping malls.
    off = (ลง/หลุด/หล่น)จาก
      –A man got off the bus.
       –The car skidded off the road–รถเสียหลักไถลหลุดออกไปจากถนน.
       –He fell off the ladder.

    onto/upon = ไปบน
      –Don’t step onto/upon that mud.
    opposite = ตรงข้ามกับ
      –I sat opposite a pretty girl on a sky train. 
    past = (เดิน/วิ่ง/แล่น)ผ่าน
      –A cat ran past me. 
    through = ลอดผ่าน; แหวกผ่าน
       –My dog jumped through the car door onto the back seat.
       –The train is moving through the tunnel.
       –A superstar is walking through the crowd.

    throughout = ในทุกๆส่วนของสถานที่ใดๆ; ตลอดทั้ง(วัน/คืน/ปี/ชีวิต)
       –He used to travel throughout the world.
       –You will suffer throughout your life if you don’t do that.

    with = กับ; ด้วย; ที่มี(บางสิ่ง)ติดตัวมาด้วย
       –Use this knife with that fork.
       –She does it with her own hand.
       –My dad came back with something in his briefcase.

    within = ภายในกำหนดของเวลาใดๆ; ภายในระยะทางใดๆ
       –He’ll come back within 10 minutes.
      –My office is within 100 metres of my house.
    without = โดยปราศจาก
      –Why did you do it without my permission?
    around/round
       1. ไปรอบๆ: We run around the park.
                       He is travelling around the world.

      2. ลัดเลาะตามแนวของ: We walk around the foot of the hill.
      3. อ้อมWe should walk around the field.
       4. อ้อมจากตรงนี้ไปที่The entrance is 
around the front.


2. การใช้ preposition แสดงวันที่, วัน, เดือน, ปี และเวลา
    วันที่, วัน, เดือน, ปี และเวลาในภาษาอังกฤษจะมีการใช้ preposition ที่เป็นเฉพาะดัง
ต่อไปนี้                                                                       
2.1 วัน 
   –on Monday
   –on Wednesday
   –on Saturday
                                               
2.2 วันสำคัญวันใดวันหนึ่งเป็นการเฉพาะ 
   –on New Year’s day = ในวันขึ้นปีใหม่ 
    –on Father’s day = ในวันพ่อ
    –on Buddhist Lent day = ในวันเข้าพรรษา
   –on Christmas Day = ในวันคริสต์เมิส
    –on Halloween = ในวันแฮะโลอีน
    ถ้าเป็นการกล่าวถึงวันสำคัญทั่ว ๆ ไป ที่มิได้เน้นเป็นการเฉพาะว่าเป็นวันใดวันหนึ่งก็จะ
ใช้กับ at เช่น
   –at New Year = ตอนปีใหม่
    –at Christmas = ตอนคริสต์เมิส
   –at Buddhist Lent = ตอนเข้าพรรษา
                                                
2.3 ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของวัน 
   –on Monday morning 
   –on Thursday afternoon
   –on Sunday evening 
   –in the morning 
   –in the afternoon
   –in the evening
                                                
2.4 เดือน   
   –in February 
   –in July 
  
 –in September
                                                 
2.5 ปี
ภาษาเขียน (ในวงเล็บคือภาษาพูด)     –in 1992 (อิน ไนนทีนไนนตีทู)
    –in 2002  (อิน ทูธาวเซิน แอนด์ ทู) ตรงตัวอักษร ‘ธ’ ให้แลบลิ้นออกไปแตะที่ปลายฟันบนด้วย 
    –in 2019 (อิน ทเว็นตี ไนนทีน)
2.6 ฤดูกาล          
    –in the rainy season
–in the cold season (ฤดูหนาวเมืองไทย ถ้าเป็นฤดูหนาวในประเทศตะวันตกจะใช้ว่า in the winter)
    –in the summer

2.7 เวลา
   
–at noon 
   
–at six o’clock
   
–at/on weekend                                
2.8 วันที่และเดือน 
ภาษาเขียน  (ในวงเล็บคือภาษาพูด) 
      
–on 1 February (อ็อน เฟะบัวรี เธอะ เฟอร์สท์)
      
–on 8 July (อ็อน จุไล ธิ เอทธ)
    –on 26 September (อ็อน เซ็บเท็มเบอะ เธอะ ทเว็นตีซิคธ)
                                                
2.9 วันที่, เดือน และปี 
ภาษาเขียน (ในวงเล็บคือภาษาพูด)
    –on 1 February 1992 (อ็อน เฟะบัวรี เธอะ เฟอร์สท์ ไนนทีนไนนตีทู)
    –on 8 July 2002 (อ็อน จุไล ธิ เอทธ ทูธาวเซิน แอนด์ ทู)
    –on 26 September 2019 (อ็อน เซ็บเท็มเบอะ เธอะ ทเว็นตีซิคธ ทเว็นตี ไนนทีน)

หมายเหตุ การใช้ในข้อ 2.8 และ 2.9 เป็นการใช้แบบ British English ถ้าเป็นการใช้
                แบบ American English จะเอาวันที่มาไว้หลังเดือน แล้วตามด้วยเครื่อง
                หมาย comma (,) ในกรณีที่มีปี ค.ศ. ตามมา เช่น 
on February 1 และ
                
on February 1, 1992 เป็นต้น ส่วนภาษาพูดก็จะใช้เหมือนกับ
                แบบ British English
                                 
2.10 วันที่, วัน, เดือน และปี 

   ภาษาเขียน

   –on Monday 1, February 1992 
   –on Wednesday 7, July 2002
   –on Saturday 26, September 2019

   อนึ่ง การใช้ในข้อนี้นิยมใช้ในภาษาเขียนเท่านั้น

              3. การใช้ preposition แบบ collocation
    การใช้ preposition แบบ collocation (เคาะเลอะเคเชิน) ก็คือ preposition ที่
ถูกกำหนดมาให้ใช้คู่กับคำนามคำใดเป็นการเฉพาะ และให้ collocation นั้น ๆ มีความ
หมายที่เป็นเฉพาะ เช่น on the Internet จะมีความหมายเฉพาะว่า ‘เข้าไปใช้งานใน
อินเทอะร์เน็ท’ ดังนั้น เมื่อเราต้องการใช้คำว่า the Internet ในความหมายว่า ‘เข้าไป
ใช้งานในอินเทอะร์เน็ท’ เราก็ต้องใช้ว่า on the Internet

    Preposition แบบ collocation นี้มีอยู่เป็นจำนวนมาก เราจึงจำเป็นต้องค่อย ๆ จด
จำ Preposition แบบ collocation ไปวันละคำสองคำ ซึ่งวิธีการนี้ก็เป็นวิธีการเดียวกับ
ที่เจ้าของภาษาใช้เช่นกัน

    ใน website นี้จะลง preposition แบบ collocation ไว้ให้จำนวนหนึ่ง เท่าที่พื้นที่
ของ website จะอำนวยให้

    Preposition แบบ collocation แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1) preposition + noun
และ 2) noun + preposition ดังนี้

1. Preposition + noun ปุ่มลิ้งค์ไป facebook
At   
       –at the cinema = ฉายอยู่ที่โรงภาพยนตร์ 
       –at night = เวลากลางคืน

       –at sea = อยู่บนเรือที่เดินทางอยู่ในทะเล
       –at the end = ณ ตอนจบ; ณ ตอนสุดท้าย
       –at work = ทำงานอยู่
       –at Book Fair = ณ งานมหกรรมหนังสือ
       –at the age of = ณ ตอนอายุ....
       –at 80 kilometres an hour = ณ ความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
       –at risk = ณ สภาพที่เสี่ยงต่อการได้รับอันตราย
–at his best = ณ ช่วงที่ดีที่สุดของเขา 
   By
       –by credit card = (จ่ายเงิน)ด้วยบัตรเคระดิท 
       –by cheque = (จ่ายเงิน)ด้วยเช็ค
       –by phone = (ติดต่อสื่อสารกัน)ด้วยโทรศัพท์ 
       –by email = (ติดต่อสื่อสารกัน)ด้วยอีเมวล์
       –by SMS = (ติดต่อสื่อสารกัน)ด้วยการส่งข้อความทาง SMS

       –by car/bus/sky train/etc. = (เดินทาง)ด้วยรถยนต์/รถประจำทาง/รถไฟฟ้า
       –by boat/by water = (เดินทาง)โดยทางเรือ
       –by sea = (เดินทาง)โดยทางทะเล 
       –by Mr Wongkot = (จัดทำ/เขียน/ฯลฯ)โดยนายวงกต
       –by night = (ออกหากิน/ออกเดินทาง)ช่วง/ตอนกลางคืน
       –by day = ตอนกลางวัน 
   In
       –in the sun = ท่ามกลางแสงแดด
       –in black/blue/ect. = ในชุดสีดำ/สีน้ำเงิน/ฯลฯ

       –in black and white/color/3D = ในแบบขาวดำ/สี/สามมิติ
       –in pen/pencil = (เขียน)ด้วยปากกา/ดินสอ

       –in cash = (จ่าย)ด้วยเงินสด 
       –in English = ด้วยภาษาอังกฤษ
       –in the car/the taxi = ในรถยนต์/รถแท็คซี
       –in a hurry = อย่างเร่งรีบ
       –in business = เกี่ยวข้องกับธุรกิจ

       –in hospital/in the hospital = เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
       –in line/in a queue = เข้าแถวเพื่อรอรับบริการ  
       –in a line = แถวตอนเรียงหนึ่งหรือหน้ากระดานเรียงหนึ่ง
       –in a row = แถวหน้ากระดานเรียงหนึ่ง; (เกิดขึ้น)อย่างต่อเนื่องกัน
       –in time = ทันเวลา
       –in the line of = (เกิดขึ้น)ในขณะที่กำลังมีบางสิ่งดำเนินอยู่
       –in the end = ในที่สุด
       –in/on the hot seat = ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก
       –in the night = ช่วงเวลากลางคืน
       –in debt/เด็ท = เป็นหนี้
       –in private = (พูดคุยกัน)เป็นการส่วนตัว 2 ต่อ 2
       –in favor of = ที่เป็นประโยชน์กับ
       –in detail = (กล่าว)ลงไปในรายละเอียด
       –in progress = กำลังดำเนินการอยู่
       –in the process = (เกิดขึ้น)ในขณะที่กำลังทำบางสิ่งอยู่
       –in return = เป็นข้อแลกเปลี่ยน; เป็นการตอบแทน 
   On
       –on TV/iPod = (ดู)โทรทัศน์อยู่/(ฟัง)iPod อยู่
       –on Facebook/Twitter = เข้าไปใช้งานใน Facebook/Twitter
       –on YouTube = เข้าไปใช้งานยูทูบ

       –on Google = เข้าไปใช้งาน Google 
       –on the website = เข้าไปใช้งานเว็บไซต์
       –on the internet = เข้าไปใช้งานในอินเตอะร์เน็ท
       –on the phone = ใช้โทรศัพท์ติดต่อสื่อสารอยู่
       –on the line = ใช้โทรศัพท์ติดต่อสื่อสารอยู่

       –on line = ใช้งานอินเตอะร์เน็ทเพื่อทำบางสิ่ง เช่น ทำธุรกรรมทางการเงิน จองตั๋ว
                       เป็นต้น
–on DVD and Blu-ray = ในรูปของ DVD และ Blu-ray
       –on time = ตรงเวลา
       –on the way = อยู่บนเส้นทางที่จะไปทำบางสิ่ง

       –on her way = อยู่บนเส้นทางของหล่อนที่จะไปทำบางสิ่ง
–on a bus/a subway train/a plane = อยู่บนรถโดยสาร/รถไฟใต้ดิน/
        เครื่องบิน
       –on my motorcycle = ขับรถจักรยานยนต์

       –on the back of a motorcycle taxi = นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์รับจ้าง
       –on demand = ตามต้องการ
       –on/for sale = มีจำหน่ายแล้ว
       –on sale = ลดราคา
       –on business = เพื่อทำงาน
       –on foot = โดยการเดิน
       –on her feet = โดยการยืนของเจ้าหล่อน
       –on the night = ในค่ำคืน

       –on campus = ในมหาวิทยาลัย; ภายในเขตของมหาวิทยาลัย 
2. Noun + Preposition
    เมื่อกล่าวถึง ‘คำนาม + คำบุพบท’ หรือ ‘noun + preposition’ พวกเรามักคิดถึงแต่
‘noun + of’ แต่ความจริงแล้ว noun ยังใช้คู่กับ preposition อื่นๆได้อีกดังต่อไปนี้
       –seat in = มีตำแหน่งใน
       –change in = ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใน 
       –rise/increase in = การเพิ่มขึ้นใน
       –progress in = ความก้าวหน้าใน 
       –policy on = นโยบายเกี่ยวกับ
       –information on/about = ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ
       –design of = การออกแบบเกี่ยวกับ
       –key to = กุญแจไขไปสู่ 
      –choice of = การเลือก(บางสิ่ง)
       –choice for = ตัวเลือกสำหรับ(บางสิ่ง)
      –expression of = สีหน้าของ(ความโกรธ/ความดีใจ/เห็นใจ/ฯลฯ)
      –expression in = การแสดงอารมณ์ความรู้สึกใน(บทกวี/จดหมาย/ฯลฯ)
      –defence of = การปกป้อง(บางสิ่ง)ไว้จากการโจมตี
      –defence against = สิ่งที่ต่อต้าน(บางสิ่ง)ไม่ให้จู่โจมทำร้ายได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น